บาคาร่า แตกตื่น! เจ้าของค่ายมวยควงมีดบุกศูนย์ดำรงธรรม นัดผู้สมัคร ส.ส.เคลียหนี้ สุดท้ายโดนเบี้ยวอีก

บาคาร่า แตกตื่น! เจ้าของค่ายมวยควงมีดบุกศูนย์ดำรงธรรม นัดผู้สมัคร ส.ส.เคลียหนี้ สุดท้ายโดนเบี้ยวอีก

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 มีนาคม 2562 ผู้สื่อข่าวราย บาคาร่า งานว่า ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นที่ศูนย์ ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ เมื่อนายอรุณ ธรรมดี อายุ 62 ปี ชาวจังหวัดสงขลา เจ้าของค่ายมวยในตำบลทับปริก อ.เมืองกระบี่ ได้เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมชักมีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต ออกมาและบอกว่าจะฆ่าตัวตาย หากคู่กรณี นายรุ่งโรจน์ ศรีนวลละอองซึ่งเป็นผู้สมัคร สส.เขต1 กระบี่ ไม่ยอมจ่ายหนี้ให้จำนวน3 แสนบาท

ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มาติดต่อที่ศูนย์ดำรงธรรมแล้วแต่ไม่สามารติดต่อคู่กรณีได้ 

พร้อมกับเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ เรียกคู่กรณี มาเจรจา ต่อหน้า พ.ต.ท.หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ สร้างความตื่นตระหนกแก่เจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก ต่างก็วิ่งหนีออกจากห้องกระเจิง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ประสาน พ.ต.อ.สมเด็จ สุขการ ผกก.สภ.เมืองกระบี่ พ.อ.ฐากูร พากเพียรทรัพย์ หน.กลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าว กอ.รมน.จ.กระบี่ นายนันธวัช เจริญวรรณ ปลัดจังหวัดกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่แผนกจิตเวช

โรงพยาบาลกระบี่ หน่วยกู้ภัย เพื่อมาช่วยระงับเหตุและช่วยกันเกลี้ยกล่อมอยู่นานประมาณ 40 นาที นายอรุณ ก็มีท่าทีสงบลงและยอมส่งมีดให้เจ้าหน้าที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ รับว่าจะพาไปช่วย เจรจากับคู่กรณีให้ท่ามกลางความโล่งอกของเจ้าหน้าที่

โดยนาย อรุณ บอกว่า ตนมีอาชีพค้าขาย และเป็นเจ้าของค่ายมวย ใน ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ เมื่อวานี้ก็ได้เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ ว่าขอให้ประสานกับนายรุ่งโรจน์ ศรีนวลละออง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.กระบี่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน มาเจรจาพูดคุยตกลงเรื่องหนี้สินที่ยืมไปเป็นเงินจำนวน 3 แสนบาท หลังจากที่เคยฟ้องร้องเป็นคดีและศาลสั่งให้นายรุ่งโรจน์ คืนเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแล้ว แต่นายรุ่งโรจน์ กลับทำนิ่งเฉย ไม่ยอมจ่ายคืนให้ ทำให้รู้สึกร้อนใจและเป็นกังวลมาก เนื่องจากตัวเองก็ไปยืมเงินเพื่อนบ้านมาอีกทอดหนึ่ง โดยทุกวันนี้ก็ยังจ่ายคืนให้ไม่หมด

พร้อมกับนำหลักฐานวันจ่ายคืนให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย ซึ่งจะมีลายเซ็นของผู้รับเงินเซ็นกำกับทุกเดือนที่จ่ายแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง นายรุ่งโรจน์ ก็ได้รับคำตอบว่าหลังเสร็จจากเลือกตั้ง ส.ส.ก็จะเข้ามาพูดคุด้วย ตอนนี้ไม่ว่างหลังจากนั้นก็วางสายไป และไม่สามารถติดต่อได้อีก ทำให้ตนเกิดความน้อยใจและกลับไป พร้อมกับขู่ว่า จะฆ่าตัวตายโดยการปีนเสาไฟกระโดดฆ่าตัวตายเพราะไม่มีทางออกแล้วแต่หลังจากเดินทางกลับนายรุ่งโรจน ก็ได้ติดต่อมาอีกครั้ง ว่าจะนัด เจอ ที่ศูนย์ดำรงธรรมในวันนี้ แต่เมื่อมาถึงกับไม่มาตามนัดและ ติดต่อไม่ได้ ทำให้ตน เกิดความโมโห และตั้งใจจะฆ่าตัวตายจริง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ ได้พาไปควบคุมสติอารมณ์และ จะพาไปพบกับนายรุ่งโรจน์เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ‘เอ๋ ชนม์สวัสดิ์’ คดีจัดเก็บขยะเมืองปากน้ำ

ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ – วันที่ 21 มี.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม หรือ เอ๋ อายุ 50 ปี อดีตนายกเทศบาลนครสมุทรปราการ และนางบารนี เลิศไพศาล อายุ 66 ปี อดีตปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ เป็นจำเลยที่ 1-2 ถูกฟ้องในความผิดฐานผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์สินใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล

จากกรณีที่จำเลยทั้งสอง ร่วมกันว่าจ้าง บริษัทเอกชน เพื่อดำเนินการเก็บขนขยะมูลฝอยและกวาดถนนในพื้นที่เทศบาลนครสมุทรปราการ โดยให้ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการตามสัญญาจ้างเป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 2546 รวมระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน โดยรับเงินค่าจ้างรายเดือน เดือนละ 2,145,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 128,700,000 บาท ซึ่งการกำหนดรับเงินลักษณะนี้ ถือเป็นการก่อหนี้ผูกพันงบเกินกว่า 1 ปีงบประมาณโดยมิชอบ เนื่องจากขัดต่อระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2543 ข้อ 38 เนื่องจากมิใช่เป็นโครงการประเภทที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และมิได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งคดีนี้ ศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้วพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ 21 มี.ค.61 ต่อมาอัยการโจทย์ยื่นอุทธรณ์

ซึ่งวันนี้ นายชนม์สวัสดิ์ ได้เดินทางมาถึงศาลตั้งแต่ 09.00 น. ด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมฟังคำพิพากษา ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แล้ว สรุปว่าศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคดีและพยานหลักฐานของจำเลยที่นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่า การที่จำเลยทั้ง 2 ทำความเห็นเกี่ยวกับข้อพิพาทในคดีนั้น ยังมองไม่เห็นเจตนาแฝงและยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาจงใจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบฯ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยมานั้น ศาลอุธรณ์ฯ เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

หนุ่มวินมอเตอร์ไซค์โพสต์ในเฟสบุ๊คชื่อ กลัวเมีย กลัวหมาดีกว่า โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงบนเฟสบุ๊คของตนเอง พร้อมข้อความว่า

#นี่ไงเหตุผลที่ไม่อยากให้แฟนไปเที่ยวหรือจะไปก็อยากไปด้วย​ เรื่องมีอยู่ว่า…ผมก่ะขับวินรับจ้างแถวประตูน้ำนั้นล่ะ ช่วงเช้านี้มีผู้หญิงคนหนึ่งเธอเมามากเดินมาขึ้นวิน​ คิวผมพอดีเธอบอกไปซอยประชาราษฎร์​บำเพ็ญ​ ผมก็โอเคตกลงราคากันเรียบร้อยพอเธอขึ้นรถออกมาได้ซักพักเธอก็ร้องไห้ฟูมฟายแล้วบอกผมว่าเธอไม่มีตังค์ค่ารถเธอบอกบัตรเธอหาย​ (ผมนึกในใจเอากูอีกแล้วโดนอีกแล้วกู)​ แล้วเธอก็ร้องไห้บอกให้ผมโทรไปหาเพื่อนเธอเพื่อที่จะยืมตังค์จ่ายค่ารถ​ ผมก็คุยกับเพื่อนเธอแล้วก็พาเธอไปหาเพื่อนที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านพระราม9 เพื่อนเธอก็จ่ายค่ารถให้​120 แล้วให้ติดตัวเธอ100 แล้วเธอก็ให้ผมขับไปส่งที่ประชาราษฎร์​บำเพ็ญต่อ​ เธอบอกค่ารถคิดเพิ่มเท่าไหร่​ ผมเลยบอกผมเอาแค่นี้แหล่ะแต่ผมจะไปส่งพี่เอง​ เธอยิ้มแล้วบอกว่าเราใจดีมาก​  บาคาร่า